การควบคุมภายใน สินค้าคงคลัง
การป้องกัน และหาวิธีการควบคุมภายใน ที่มีประสิทธิภาพในการดูแลสินค้าคงคลัง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แนวทางการวางระบบการควบคุมภายในเกี่ยวกับสินค้าคงคลัง อย่างน้อยควรมีระบบดังนี้
- มีการตรวจรับและทดสอบคุณภาพของสินค้าคงคลัง ให้เป็นไปตามเงื่อนไข คุณลักษณะที่กำหนดไว้
- การรับมอบสินค้าเข้าคลัง มีการตรวจสอบทั้ง จำนวน ชนิด ขนาด และคุณลักษณะอื่น ว่าตรงกับใบสั่งซื้อไว้หรือไม่
- สินค้าที่รอผลการทดสอบคุณภาพ ต้องแยกเก็บจากสินค้าที่ผ่านมาทดสอบแล้ว โดยมีป้ายกำกับห้ามแจกจ่ายอย่างชัดเจน
- มีการบันทึกรายละเอียดการ เข้าออก บริเวณโรงงานหรือคลังสินค้า ของพนักงาน
- การนำสินค้าออกจากคลังต้องมีเอกสารอนุมัติจากผู้มีอำนาจทุกครั้ง
- มีการควบคุมบัตรสินค้าคงคลัง ที่ใช้ไปและที่เหลืออยู่
- การตัดบัญชีสินค้า ที่เสียหายต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดและได้รับอนุมัติทุกครั้ง
- มีการสอบทานการคำนวณราคาสินค้ากับเอกสารต้นทุน
- การบันทึกบัญชีรับจ่ายสินค้าให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
- การตรวจนับสินค้าทุกครั้งต้องมีการเปรียบเทียบกับยอดบัญชีและหาสาเหตุของผลแตกต่าง
- การปรับปรุงบัญชีสินค้า ต้องได้รับการอนุมัติทุกครั้ง
- มีมาตรการในการบันทึกสินค้าตามงวดบัญชีที่ถูกต้อง
- การคิดต้นทุนของสินค้าคงคลังต้องสอดคล้องกันและเป็นไปตามระบบขั้นตอนการผลิต
- กรณีที่บริษัทได้ใช้ระบบต้นทุนมาตรฐาน ต้องมีการวิเคราะห์ผลต่างเมื่อต้นทุนการผลิตจริงเบี่ยงเบนไปจากมาตรฐาน
- มีการจัดทำรายงานสินค้าคงคลังที่ไม่เคลื่อนไหว และเสนอผู้รับผิดชอบเพื่อการแก้ไข
- มีการสอบทานการตีราคาสินค้าคงคลัง โดยเปรียบเทียบสินค้าสำเร็จรูปกับราคาที่คาดว่าจะขายได้ และพิจารณาตั้งสำรองสำหรับผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
- มีการสอบทานว่ายอดคงเหลือตามงบกระทบยอดสินค้า ตรงกับบัญชีคุมยอดในบัญชีแยกประเภท และมีการสอบทานติดตามหาสาเหตุของรายการกระทบยอดที่ไม่ถูกต้อง
- มีเครื่องมือตรวจสอบเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสินค้าคงคลังมีความปลอดภัยและครบถ้วน
- มีมาตรการที่เหมาะสมและรัดกุมสำหรับสินค้าที่ล้าสมัย
อย่างไรก็ตามการมีระบบการควบคุมภายในที่ดี ไม่เพียงแต่ป้องกันการทุจริตในสินทรัพย์ของกิจการเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล
ที่มา www.sarinaccount.com